คนไทยอพยพมาจากไหน ? ตามตำราเรียนสมัยเด็กตามที่เราได้เล่าเรียนกันมา ยืนยันว่าคนไทยได้อพยพมาจากประเทศจีน (แถบภูเขาอัลไต) แต่ปัจจุบันนักวิชาการรุ่นใหม่ได้พยายามอธิบายว่าจริงแล้ว คนไทยไม่ได้อพยพมาจากไหนเลย คนไทยอยู่บริเวณที่เป็นประเทศไทยมาช้านานแล้ว – การหาต้นกำเนิดที่แน่ชัดของคนไทยไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะคนไทยในปัจจุบันเป็นประชากรหลักของไทย มีการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างท้องถิ่นเดิม และการอพยพจากแหล่งต่างๆ สะท้อนถึงการสร้างเอกลักษณ์ของคนไทยอย่างแท้จริง
การตั้งถิ่นฐานของคนไทยในอดีต และความเกี่ยวข้องกับประวัติพ่อขุนผาเมือง


ประการแรก
บรรพบุรุษของคนไทย อพยพจากประเทศจีนเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ปรากฎหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน อีกทั้งนครโยนกเชียงแสน ต้นตระกูลของคนไทยดั้งเดิมนั้น นักประวัติศาสตร์ยอมรับว่า อพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีน ผ่านทางประเทศลาว และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ขณะนี้แถบมณฑลยูนานของประเทศจีน ยังมีคนที่พูดภาษาไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นเชื้อสายของจีน จึงไม่ต้องสงสัยว่าในอดีตมีคนไทยอยู่อาศัยแถบนั้นมาก่อน และค่อยๆ ถอยร่นลงมาทางใต้ มาตั้งถิ่นฐานอยู่ตอนเหนือของประเทศไทย
ในประการที่สอง
ณ บริเวณภาคใต้ ภาคกลาง ของประเทศไทยขณะนี้ ในอดีตนั้นมีคนไทยอาศัยอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิม การใช้ภาษาพูดแตกต่างกันอยู่บ้าง การรวมกลุ่มขาดความเข้มแข็ง ไม่มีผู้นำสำคัญที่จะรวมตัวต่อต้านอำนาจของขอมได้ ต่อเมื่อ พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด และพ่อขุนบางกลางท่าว (หาว) เจ้าเมืองบางยาง ได้ขับไล่ขอมออกจากสุโขทัย และได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางท่าว (หาว) ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้วกรุงสุโขทัยจึงได้รวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่ไว้ กลายเป็นอาณาจักรของประเทศไทย หรือสยามประเทศมาจนทุกวันนี้
พ่อขุนผาเมือง นักรบผู้เสียสละแห่งเมืองราด

การฝึกอาวุธและสร้างกองทัพให้เข้มแข็งของพ่อขุนผาเมืองนั้น พระองค์มีเป้าหมายอยู่คือ การขับไล่ขอมออกจากดินแดนของราชอาณาจักรไทย และได้วางแผนที่จะตีนครเดิด เมืองสำคัญของขอมที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก ทางทิศตะวันออกของกรุงสุโขทัย ไม่ห่างจากกรุงสุโขทัยมากนัก (ปัจจุบันคืออำเภอหล่มสัก 1 จังหวัดเพชรบูรณ์) นครเดิดเป็นหัวเมืองด้านเหนือของขอม ที่แผ่อำนาจไปถึงนครโยนกเชียงแสน พ่อขุนผาเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้าไม่ตีนครเดิดเสียก่อน ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อกรุงสุโขทัย ดังนั้นพ่อขุนผาเมืองจึงได้ยกกองทัพออกจากกรุงสุโขทัย ขึ้นเขาผ่านมาทางเมืองบางยาง (อำเภอนครไทย) ผ่านเขตเขาค้อ (อำเภอเขาค้อ) เข้าสู่นครเดิด (อำเภอหล่มสัก 2 จังหวัดเพชรบูรณ์)
พ่อขุนผาเมืองใช้เวลาโจมตีนครเดิดอยู่ไม่นานนัก ก็สามารถยึดนครเดิดได้ พวกขอมถอยร่นหนีออกไปทางทิศตะวันออก พ่อขุนผาเมืองได้ยกทัพตามขอมไปจนถึงเขตอำเภอด่านซ้ายติดกับภูเรือ และได้ไปพักทัพอยู่ที่นั่น พ่อขุนผาเมืองได้พิจารณาเห็นว่า ได้ยกทัพขับไล่ขอมมาไกลและนานพอสมควรแล้ว จึงยกทัพกลับเข้าสู่นครเดิด จัดการทำนุบำรุง และสร้างเป็นเมืองอยู่อาศัยของพระองค์ และบริวาร นครเดิดนั้นมีกำแพงเมืองติดกับแม่น้ำป่าสัก ถึงฤดูฝนบางปีน้ำในแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง ทะลุกำแพงเข้าไปท่วมเขตเมือง ทำให้ราษฎรมีความยากลำบากในการทำมาหากินไร่นาเสียหาย พ่อขุนผาเมืองได้พิจารณาเห็นว่า ที่ดินบริเวณบ้านห้วยโปร่ง ตำบลบ้านโสก ปัจจุบันเป็น ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสักเป็นที่ดินลาดสูงน้ำไม่ท่วม จึงได้ไปสร้างคุ้มของพระองค์ท่านและสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณนั้นพร้อมทั้งสถาปนาเมืองใหม่ขึ้น มีชื่อว่าเมือง “ลาด” หมายถึง เมืองที่มีที่ดินลาดสูงน้ำไม่ท่วมนั่นเอง ต่อมาการเขียนชื่อเมืองลาดได้เปลี่ยนไป จากเมืองลาดกลายเป็น เมืองราด สืบมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา : ดร.ดิเรก ถึงฝั่ง (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์)
ประวัติพ่อขุนผาเมือง จากท่าน ดร.ดิเรก ถึงฝั่ง
พ่อขุนผาเมืองกับเมืองศรีเทพชุมชนโบราณอายุ 2,000 ปี

เมืองศรีเทพเป็นชุมชนโบราณที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี ตั้งอยู่ในอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมืองนี้เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต มีหลักฐานทางโบราณคดีมากมาย เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ เทวรูป และพระพุทธรูป ซึ่งสะท้อนศิลปะสมัยทวารวดี ที่ผสมผสานทั้งพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์
ตัวเมืองมีคูน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ทำให้ยากต่อการโจมตีจากข้าศึก ก่อนที่ขอมจะเข้าครอบครอง เมืองศรีเทพมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นแหล่งโบราณวัตถุและโบราณสถานสำคัญ เหมาะสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
เมืองศรีเทพยังเกี่ยวข้องกับพ่อขุนผาเมือง ซึ่งมีพระราชประสงค์จะยกทัพเข้าตีเพื่อขับไล่ขอม แต่เนื่องจากพ่อขุนศรีนาวนัมถม พระราชบิดา สวรรคต พ่อขุนผาเมืองจึงต้องยกกองทัพไปกู้กรุงสุโขทัย
— นอกจากนี้ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ทำพิธีหล่อพระพุทธรูปศิลปะลพบุรีที่เมืองศรีเทพ ซึ่งภายหลังมีชื่อว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา” และมอบให้พ่อขุนผาเมืองเป็นพระประจำพระองค์ ปัจจุบัน พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์
ปัจจุบัน เมืองศรีเทพได้รับการพัฒนาเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย
เจดีย์พ่อขุนผาเมือง


โรงเรียนพ่อขุนผาเมืองอุปถัมภ์ตั้งอยู่บ้านห้วยโปร่ง ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในโรงเรียนเป็นที่ตั้งของ “เจดีย์พ่อขุนผาเมือง” ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงบัวแปดเหลี่ยม ฐานบัวขนาดใหญ่และกว้างแต่ฐานต่ำ บริเวณยอดขาดหายไป แต่คาดว่ามีความสูงราว ๑๖ – ๒๐ เมตร
เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่พ่อขุนผาเมืองก่อสร้างไว้ เป็นอนุสรณ์แด่พระองค์ท่าน ข้างพระเจดีย์มีต้นลั่นทมขนาดใหญ่เคียงข้างอยู่ชาวบ้านเรียกกันว่า ลั่นทมพันปี มีเรื่องเล่าตกทอดกันมาว่า พ่อขุนผาเมืองเป็นผู้ปลูกลั่นทมนี้ไว้ในยุคนั้น ชาวบ้านเรียกว่า “จำปาขาว” ห่างจากเจดีย์ใหญ่ไม่มากนัก มีเจดีย์ขนาดเล็กที่สร้างในยุคเดียวกันอยู่อีกแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเจดีย์ทั้งสองแห่งนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก ราษฎรได้ช่วยกันบูรณะไว้ เจดีย์ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนพ่อขุนผาเมืองอุปถัมภ์ หมู่ ๑ บ้านห้วยโปร่ง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
หากต้องการศึกษาประวัติพ่อขุนผาเมืองอย่างละเอียด สามารถศึกษาต่อได้จากหนังสือ “พ่อขุนผาเมือง พระผู้สร้างชาติไทย” ที่ถูกเรียบเรียงโดย ดร.ดิเรก ถึงฝั่ง
